ประเด็นร้อนออกโหนกระแส ขับรถชนเสาไฟฟ้าอ้าง “เมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย” ทั้งที่ตรวจเเล้วไม่ถึง

  • หน้าแรก
  • ประเด็นร้อนออกโหนกระแส ขับรถชนเสาไฟฟ้าอ้าง “เมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย” ทั้งที่ตรวจเเล้วไม่ถึง

ประเด็นร้อนออกโหนกระแส ขับรถชนเสาไฟฟ้าอ้าง “เมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย” ทั้งที่ตรวจเเล้วไม่ถึง

          สำหรับเรื่องเมาแล้วขับ ประกันไม่จ่ายเป็นเรื่องที่สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ได้มีการนำเสนออยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายท่านที่ได้ติดต่อทนายให้ดำเนินคดีกับบริษัทประกันภัยให้ในเรื่องที่ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนได้ถูกบริษัทประกันภัยอ้างว่าผู้เสียหายเมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย ด้วยเหตุนี้ ได้ส่งผลให้ผู้เสียหายหลายท่านได้รับความเดือดร้อนและทุกข์ใจเป็นอย่างมาก จึงได้โร่ปรึกษาทนายหลังถูกบริษัทประกันภัยปฏิเสธชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและหรือค่าเสียหายต่าง ๆ นานา อย่างไม่ใยดี

          เช่นเดียวกันกับกรณีเมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย กรณีต่อไปนี้ ซึ่งเป็นเรื่องราวถึงขั้นผู้เสียหายได้ร้องเรียนออกรายการโหนกระแสไปหมาด ๆ ในปีที่แล้ว (2566) โดยเรื่องราวนี้ก็เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่ผู้เสียหายและครอบครัวได้รับความเสียหาย ทั้งในส่วนร่างกายและทรัพย์สินอย่างรถยนต์ และแม้ว่าจะต้องได้รับความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตจนแทบพลิกชีวิตแล้ว ยังต้องถูกบริษัทประกันภัยหัวแพทย์ใช้กลยุทธ์ยอดฮิตอย่าง เมาแล้วขับนับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง เมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย มาปฏิเสธชดใช้ความเสียหายต่อผู้เสียหาย เรียกได้ว่าจากเรื่องราวนี้ที่ได้ออกรายการโหนกระแสทำให้ผู้บริโภครายอื่น ๆ ได้ตระหนักถึงเรื่องเมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย ความสำคัญของการซื้อประกันภัยและนอกจากนี้ยังมีการพิจารณาการซื้อประกันภัยกับบริษัทประกันภัยมากยิ่งขึ้นเลยทีเดียวจากเหตุการณ์นี้

ทนายความพร้อมผู้เสียหายนำทีมร้องโหนกระแส เหตุซื้อประกันภัยทิพย์ ถึงคราวเกิดเหตุปฏิเสธอย่างเดียว

 

          อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นนั้นเมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย ผู้เสียหายและครอบครัวสุดทนที่จะถูกบริษัทประกันภัยเอาเปรียบถึงขั้นต้องนำเรื่องร้องโหนกระแส โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของครอบครัวผู้เสียหายครอบครัวหนึ่ง ที่ได้ขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุ ส่งผลให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บสาหัส และต่อมาได้มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุเป็นเวลา 5 ชม. โดยมีปริมาณแอลกอฮอล์ขึ้นมา 2 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์เท่านั้น และปรากฏว่าต่อมาบริษัทประกันภัยก็ได้นำผลตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ไปทำการพิสูจน์ต่าง ๆ นานา ภายหลังไม่นานก็ได้รีบใช้ข้ออ้างยอดฮิตที่ว่ากรณีนี้ผู้เสียหาย เมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย จากเหตุนี้ทำให้ทางผู้เสียหายหรือเจ้าของรถ ภรรยา รวมถึงผู้สูงอายุและเด็ก ผู้โดยสารที่ได้โดยสารมาในขณะเกิดเหตุขณะนั้นไม่ได้รับความเป็นธรรมเลยตั้งเกิดเหตุ  

คนขับยันไม่ได้ดื่ม ! บริษัทฯ ก็ยัน ! ตีความว่าเมาแล้วขับมีแอลกอฮอล์ขณะเกิดเหตุ 80 Mg.% แน่นอน

         

           กับเรื่อง เมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย ผู้เสียหายเล่าอย่างเสียงสั่นเครือว่าเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น เกิดเหตุเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2564 เวลา 20.53 นาที ในวันดังกล่าวกำลังเดินทางกลับมาจากทำบุญกำลังเดินทางกลับบ้านไปส่งคุณแม่ เป็นถนนเลียบคลองก่อนหน้านั้นก็ได้มีฝนตก มีน้ำท่วมขังตามทางจึงได้ขับรถด้วยความระมัดระวังพอถึงทางที่จะเบี่ยงออก ขณะเดียวกันได้มีรถของคู่กรณีขับอยู่ด้านหน้า รถของผู้เสียหายจึงจะแซงออก ปรากฏว่าฝนตกถนนลื่น รถก็เลยปัดเสียหลักตกหลุม ล้อตะแคงล้อฟรี เป็นเหตุให้รถหมุนกระแทกเข้ากับเสาไฟฟ้า เป็นเหตุให้ทั้งครอบครัวที่โดยสารมานั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส

          หลังจากที่รถชนยังไม่มีทนายก็ได้มีใบให้ตรวจแอลกอฮอล์โดยการตรวจเลือด และได้นำส่งให้บริษัทประกัน ต่อมาบริษัทฯ ก็ได้มีหนังสือปฏิเสธส่งมา โดยผู้ขับขี่มีผลแอลกอฮอล์เพียง  2.920 Mg.% เท่านั้น ในหนังสือปฏิเสธได้ระบุ ตีความว่าผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 80.7 Mg.% ทั้ง ๆ ที่ผู้ขับขี่ยืนยันว่าไม่ได้มีการดื่มแอลกอฮอล์แต่อย่างใด เมื่อบริษัทประกันได้มีการปฏิเสธมาดังกล่าว เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมผู้เสียหายและครอบครัวจึงได้เข้าปรึกษาทนายความสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ให้ช่วยดำเนินคดีกับบริษัทประกันภัยจอมเจ้าเล่ห์ให้ สุดท้ายเรื่องราวได้จบลงโดยการที่บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายอย่างเหมาะสมตามความเสียหายที่ได้รับ ซึ่งเป็นที่หน้าพึงพอใจเหมาะสมกับความเสียหายที่ได้รับและความลำบากอย่างหาสิ่งใดมาเปรียบไม่ได้ ราวกับชีวิตพลิกผัน แต่เป็นการพลิกผันที่ไม่ดีนัก เนื่องจากผู้เสียหายและครอบครัวหลังเกิดอุบัติเหตุไม่มีรถใช้และชีวิตต้องทนทุกข์มทรมานต่ออาการบาดเจ็บทั้งผู้สูงอายุและเด็กหญิงวัยเพียง 8 ขวบ อีกทั้งผู้ขับขี่และภรรยายังต้องสูญเสียรายได้และดำเนินกิจวัตรประกอบอาชีพประจำวันอย่างลำบาก จึงสมควรอย่างยิ่งที่บริษัทประกันภัยต้องชดใช้ในทุกส่วนของความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับ นอกจากที่บริษัทฯ จะต้องชดใช้ให้กับค่าเสียหายอันแสนสาหัสของผู้เสียหายแล้ว บริษัทฯ ยังต้องชดใช้กับคำพูดของบริษัทฯ ที่ว่า เมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย อย่างสมน้ำสมเนื้ออีกด้วย เพราะจากประโยคนี้ก็ทำให้ผู้บริโภคและชาวบ้านทั่วไปอดคิดไม่ได้ว่า นี่หรือความคิดผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยที่มีต่อผู้บริโภคตาดำ ๆ แล้วแบบนี้ใครจะกล้าซื้อประกันภัยด้วย เพราะคิดว่าซื้อประกันภัยเพื่อคุ้มครองยามเกิดอุบัติเหตุ สุดท้ายเมื่อเกิดเหตุก็เหมือนซื้อประกันภัยทิพย์ที่ไม่มีอยู่จริง

อย่าคิดว่ารถมีประกันภัยแล้วจะอุ่นใจ เมื่อเกิดอุบัติเหตุรีบปรึกษาทนายทันที

          สำหรับการซื้อประกันภัยรถยนต์กับอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน เพราะเราไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นวันไหนหรือตอนไหน อีกทั้งการที่คิดว่ารถมีประกันภัยไม่ว่าจะชั้น 1 หรือชั้นไหน อย่าคิดว่ามีประกันภัยแล้วจะได้เงินหลังจากเกิดอุบัติเหตุมาง่าย ๆ เพราะบริษัทประกันภัยคงไม่ยอมให้คุณง่าย ๆ หากไม่มีทนายอย่างแน่นอน ดังนั้น การที่จะได้รับการรับผิดชอบจากบริษัทประกันภัยอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุด คือ การมีทนายความเพื่อดำเนินคดีเรียกร้องเอาผิดกับบริษัทประกันภัยเท่านั้น หลังเกิดอุบัติเหตุไม่ต้องโทรหาประกัน สามารถโทรหาทนายเป็นอันดับแรกได้ทันที คลิก >>ติดต่อเรา<<